Posted on

ปมวิศวกรจบชีวิต ทิ้งจดหมายแฉทุจริต อัยการอาวุโสชี้ “กินหัวคิว” มีเยอะ

วิศวกร จบชีวิต ทิ้งจดหมายแฉทุจริต

อัยการอาวุโส วิเคราะห์ปม วิศวกร หนุ่มจบชีวิต ทิ้งจดหมายลาตาย เนื่องจากว่ายอมรับการรับเงินใต้โต๊ะไม่ได้ ชี้จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ละเอียด ย้ำชัดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศไทย

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 30 พ.ย. 2565 ในรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานสอบสวน ปมวิศวกรหนุ่มจบชีวิต ทิ้งจดหมายลาตาย ยอมรับการทุจริตรับเงินใต้โต๊ะไม่ได้ ซึ่งทางบิดามารดาผู้ตายอยากให้หน่วยงานตรวจสอบความเป็นจริงตามที่จดหมายได้เขียนไว้

อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานสอบสวน พูดว่า ความเป็นจริงบิดามารดาไม่ต้องขอร้องให้ตรวจสอบ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือ ป.ป.ท. จะต้องเข้าไปตรวจสอบ ตนเองทำงานผ่านสำนวนเกี่ยวกับการทุจริตปราบปรามมา 2 ปี

ปีแรกสามร้อยกว่าเรื่อง ปีที่ผ่านมาก็ห้าร้อยกว่าเรื่อง ที่มาถึงก่อนให้อัยการสืบสั่ง คดีทุจริตประมาณ สิ้นเดือนกันยายนทั่วประเทศ มีประมาณ 2,200 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการประมูลงานฮั้วประมูล ไม่ขึ้นขั้นเงินเดือน มีหมดทุกๆอย่าง การต่ออายุสัญญาเรียกเงินเรียกทองทั้งนั้น

ส่วนในกรณีการเสียชีวิตนั้นของวิศวกรที่ตัดสินใจลาออก ด้วยเหตุว่ารับระบบทุจริตไม่ไหว ก่อนจบชีวิต ในระบบปกครองส่วนท้องถิ่น คนที่จะรับเงิน ถ้าตัวใหญ่ไม่รับเอง ก็ให้ตัวเล็กไปรับแทนเหมือนในจดหมาย เพื่อจะตัดตอน ที่จริงแล้วข้าราชการต้องรู้ เวลารับเงินรับทอง

กฎหมาย พระราชบัญญัติว่าด้วยการปราบปรามด้วยการทุจริต ปี 2561 ถ้าข้าราชการให้การเป็นประโยชน์ ป.ป.ช. หรือ ป.ป.ท. จะกันเป็นพยาน ในกรณีที่ถูกใช้ไปรับเงิน แล้วขัดไม่ได้ ให้ทำแล้วส่งรายงานไป ป.ป.ช. จะไม่ต้อง ถูกดำเนินคดี ถ้าตนรู้จักจะบอกแล้วว่าอย่าจบชีวิตอย่างนั้น ต้องสู้ต่อไป

เปิดปากกับภาคภูมิ

ทำเช่นไรให้การเสียชีวิตไม่สูญเปล่า

ป.ป.ช.จะต้องออกหน้า อย่ายกย่องเฉพาะคนเป็น ยกตัวอย่างการทุจริตนั้น จะมีการวางงบประมาณไว้ก่อน พอผ่านสภาเสร็จแล้ว ก็จะเริ่มตั้งแต่เจ้าหน้าที่จัดจ้างลงมือทำ เพราะฉะนั้นคดี ป.ป.ช. จะไม่เหมือนคดีฆ่าคนตาย ต้องใช้เวลาในการวางแผน เหมือนการประมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ต้องมีการประกาศลงระบบในเว็บท้องถิ่น บางครั้งก็ทำหนังสือปลอมว่าลงแล้ว แต่ว่าจริงๆ ไม่ได้ลง แล้วมีบริษัทยื่นเข้ามาเสนอประมูล อย่างน้อยต้อง 2 บริษัท

แต่ว่าจุดที่น่าสงสัย ในจดหมาย คือ ในจดหมายที่บอกว่า มีบริษัทเดียว รับเหมาได้ 7 โครงการ ด้วยเหตุว่าปกติเวลาทำต้องมีการตั้งบริษัท 2-3 แห่ง เหมือนการแข่งฟุตซอล จะต้องมาประมูลแข่งกัน

ส่วนในกรณีการประมูลงานที่ตั้งไว้ 600,000 แต่ว่าประมูลได้ในราคา 400,000 บาท ถ้าเป็นโครงการที่สมบูรณ์แบบแสดงว่ากำหนดราคากลางไว้สูง แต่ว่าจริงไม่ถึง 400,000 ในมุมนึงคือมองว่าช่วยรัฐประหยัดงบ แต่ว่าจริงแล้วอยู่แค่ 400,000 อยู่แล้ว ด้วยเหตุว่าเวลาประมูล ก็จะเบิกเงินก้อนแรกประมาณ 11% แต่ว่ากำหนดราคาสูง เพื่อสร้างเครดิตตนเอง ให้เป็นผลงานว่าตนเองสามารถประหยัดงบประมาณได้ แต่ว่าสุดท้ายทำไม่ได้จริง

บางพื้นที่รับเงินไปเรียบร้อยถนนขาดครึ่งกิโลฯ ก็โดนดำเนินคดี มีการฟ้องเรียกเงินค่าชดเชย เรียกค่าเสียหายจากผู้ประมูลรวมทั้งคนที่เกี่ยวข้อง มีอย่างงี้เยอะทั่วประเทศ ส่วนการตรวจรับงาน ผู้ตรวจรับไม่ได้ไปนั่งเซ็นที่ทำงาน ส่งคนอื่นไป เหมือนในกรณีของผู้ตายที่จะต้องไปตรวจรับงาน รวมทั้งรับเงินค่าเปอร์เซ็นต์มา เพื่อทำรายงานว่า ตรวจรับแล้วสมบูรณ์แบบ

ด้าน นายประยุทธ์ เย็นอารมณ์ ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลนากลาง ได้ให้สัมภาษณที่กรณีที่เนื้อหาในจดหมายกล่าวถึง เปิดเผยว่า คำว่า ผู้อำนวยการในจดหมายน่าจะใช่ตน เรื่องที่ผู้ตายพูดถึงให้รับเงิน ตนเป็นคนสั่งจริง แต่ว่าเป็นส่วนค่าผู้รับจ้างที่จะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าทดสอบคอนกรีต ส่วนในจดหมายที่พูดว่ามีลูกจ้างประจำไปไซโค

ยืนยันว่าไม่ใช่ตน แต่ว่าเป็นคนอื่น และก็ในเรื่องระบบการทุจริตหลายสิบปีอาจจะมี แต่ว่าเวลานี้ไม่มีแล้ว ด้วยเหตุว่าทุกๆวันนี้หน่วยตรวจสอบเยอะ ต้องฟอกตัวเองให้ขาว สามารถตรวจสอบได้ในสัญญา การซื้อการจ้าง ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง

อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม

ส่วนในกรณีที่มีบริษัทเดียวรับเหมา 7 โครงการ

กรณีที่งานราคาเกินห้าแสนขึ้นไป ต้องเป็นงานมาตามระบบ ส่วนงานที่ต่ำกว่าห้าแสนจะต้องมาตกลงราคา ถ้าใครเรียกมาคุยตกลงราคา แล้วสามารถทำได้ก็ทำ ยืนยันเข้ามารับทำได้ทุกคน แต่ราคาต่ำจะรับได้ไหม ส่วนเรื่องการรับหัวคิว ไม่มีแน่นอน มีแต่สั่งรื้ออย่างเดียวถ้าไม่ถูก ไม่มีการตรวจรับใดทั้งสิ้น

เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ด้วยเหตุว่าบางทีน้องผู้เสียชีวิตบางทีอาจจะรับข่าวสารมาไม่ชัดเจน แต่บางทีน้องก็มาปรึกษาตนตลอดเวลา อย่างในกรณีผู้รับจ้างเข้างานช้า แล้วถูกชาวบ้านมาบีบและก็ต่อว่าว่าคุมงานยังไงถึงปล่อยให้ทิ้งงาน คาดว่าเป็นเรื่องของเนื้องานบีบให้ผู้ตายอัดอั้นตันใจ ไม่เกี่ยวกับองค์กร แน่นอนสังคมจะต้องต่อว่าตน แต่ว่าผู้ตายเป็นผู้ทำงานตรง เป็นมือใหม่ที่สะอาด

ส่วนเรื่องการทำงาน ตนไม่ได้บังคับแน่นอน เนื่องจากว่าเขาเข้ามาเป็นช่าง มีวิธีการตรวจสอบถูกต้อง ไม่มีการบังคับให้ทำงานผิด หรือบังคับให้รับตรวจสอบหรือรับเงินค่าหัวคิวแน่นอน แต่ว่าบางคนมีกดดันน้องว่า เมื่อเอาตัวอย่างคอนกรีตมาแล้ว ก็จะต้องไปรับค่าทดสอบเพื่อมาทดสอบ ตำแหน่งใหญ่ไม่มีการสั่งให้รับค่าหัวคิวแน่นอน ยืนยันว่าโปร่งใส ตรวจสอบได้

ขณะที่อาจารย์ปรเมศวร์ พูดว่า การตรวจสอบเอกสารตรวจสอบได้ แต่ว่าบางครั้งเอกสารมีการทำย้อนหลังได้ แต่ว่าสุดท้ายมันจับพิรุธได้หมด ด้วยเหตุว่า ป.ป.ช. จับได้เนื่องจากว่าการลงเวลา เลขรับคดีที่ไม่สัมพันธ์กัน แต่ว่าจากความคิดตนที่ได้รับฟังการให้การพยานอย่างงี้ มีความรู้สึกว่ามีการทุจริต

ยืนยันว่าเอกสารที่เขียนเอาผิดได้ ไปถึงสามารถตรวจสอบได้ว่าใครได้ หรือใครไม่ได้ ถ้า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้าตรวจจะรู้เลย เนื่องจากว่ามีความชำนาญเรื่องการตรวจสอบ คดีปราบปรามทุจริต เราไม่เห็นเขารับเงิน แต่ว่าจะเห็นตัวเลขการรับเงินในบัญชี จะต้องตรวจสอบ ไล่เส้นทางการเงินหมด บางแห่งสอบเสร็จก็จะเห็นเอง วันนี้ยังตอบไม่ได้ว่ามีการทุจริตหรือไม่ แต่ว่าสอบเสร็จแล้วจะเห็นเอง

จดหมายแฉทุจริต

ส่วนในจดหมายที่พูดว่า วิศวกร ผู้ตายจะต้องรับเงิน

มั่นใจว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่บริษัทจ่ายให้เจ้าหน้าที่ ไปตรวจทดสอบซีเมนต์อันนี้ถูกต้อง เป็นเรื่องของระบบราชการ เหมือนการไปรังวัดที่ดิน แต่ว่าในกรณีการทุจริตให้ค่าหัวคิว การตรวจงานผ่าน จะมีทั้งจ่ายเป็นเงินสดรวมทั้งเช็ก แต่ว่าสามารถตรวจสอบได้ที่ธนาคาร ด้วยเหตุว่าไม่มีการโอนไปที่เดียว เช็กได้จากเส้นทางการเงินทั้งหมด

ในกรณีที่นายกเทศบาลตำบลนากลาง ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่ถูกกล่าวหาในจดหมาย เรื่องงานของโครงการที่มีเพียงห้างเดียวรับเหมาโครงการต่อเนื่อง ว่า 4 โครงการได้จาก e-bidding และก็อีก 3 โครงการด้วยเหตุว่ามีเครื่องมือพร้อม

อาจารย์ปรเมศวร์เผย มันน่าสงสัย 7 โครงการเพราะอะไรถึงได้หมด สำหรับ e-bidding ตรวจยังไงก็ครบ ด้วยเหตุว่าระบบอิเล็กทรอนิกส์ตรวจง่าย อย่างคดีที่ทำมาก็เป็นแบบนี้ ยกตัวอย่าง 4-5 บริษัท ผู้ที่มายื่นเป็นคนเดียวกัน ก็สามารถทำได้ ด้วยเหตุว่ารับมอบอำนาจมาได้ถูกต้อง แต่ว่าพอดูเอกสารก็เห็นว่ามาจากที่เดียวกัน ต้องดูสอบไปถึงรายชื่อกรรมการผู้ถือหุ้น จะรู้ได้ทันทีว่าคนยื่นเกี่ยวข้องกัน ในลักษณะไหน ส่วนใหญ่คดีที่ผ่านมาเหมือนยื่นให้ดูมีคู่แข่ง แต่ว่าความจริงแล้วมาจากที่เดียวกัน

สำหรับอีก 3 งานที่ไม่มีใครรับ อันนี้ยาก ด้วยเหตุว่าจะเรียกใครมาต่อราคาไม่ได้ ต้องมีคู่แข่ง ถ้ามีคนเดียวจะต้องยกเลิก ด้วยเหตุนี้ถ้าไม่ต้องการยกเลิกก็ต้องหาคู่แข่งขันมา ด้วยเหตุนี้จะต้องตรวจสอบให้ลึก

เนื่องจากว่ามีการปลอมเอกสาร บ่อยครั้งที่ตรวจสอบเอกสารจะพบว่า มีคนคนเดียวทำเอกสาร จะต้องสอบให้ลึกแล้วจะเห็นเอง ด้วยเหตุว่าปกติเองต้องไม่มี 7 โครงการทำยาว ยิ่งในจังหวัดหนองบัวลำภู ดินถล่มบ่อยคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีบริษัทเดียว อีกทั้งยังสามารถประมูลงานข้ามจังหวัดได้ โดยเหตุนี้ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

อย่างไรก็แล้วแต่ สามารถติดตามรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.

Posted on

“แพทตี้” อ้อน “แดน” หนูอยากโดนเรียกคุณภรรยา ยังไม่พร้อมมีลูก แต่ถ้ามาก็ตามนั้น

แพทตี้ อ้อน แดน

“แพทตี้” อ้อน “แดน” ผ่านสื่อ หนูอยากโดนเรียกคุณภรรยา เขินคำว่าสามี ช่วงนี้ยังไม่ชิน แต่งงานแล้วหวานกว่าเดิม ชอบที่กล้าแสดงออกมากเพิ่มขึ้น ปัดซ้อมเลี้ยงลูก แค่เอาทองไปรับขวัญหลาน ยังไม่พร้อมมีเอง เนื่องจากว่ายังอยากเที่ยวอยู่ แต่ว่าหากน้องจะมาก็ตามนั้น รับผู้ใหญ่มีถาม แต่ว่าไม่ได้บีบคั้นว่าต้องมีเลย อัปเดตเรือนหอคืบหน้า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว

หลังมีภาพพร้อมหน้า พร้อมตา ร่วมกับหลานฝาแฝด “อัยวา-อัญญา” หลายคนก็แซวว่าแอบไปฝึกซ้อมเลี้ยงลูกหรือเปล่า ล่าสุด (28 พ.ย.)ได้เจอสาว “แพทตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา” เจ้าตัวเลยขอออกมาแก้ข่าวว่าไม่ใช่ แค่ไปเยี่ยมหลานเท่านั้น แล้วก็ในวันนั้นคุณสามี “แดน วรเวช ดานุวงศ์” ก็เอาทองไปรับขวัญหลานด้วย

“พึ่งมีโอกาสได้ไปเยี่ยมน้องมา ก็น่ารักน่าเอ็นดู น้องประมาณเดือนหนึ่งแล้วค่ะ ตัวก็เริ่มฟูแล้ว พี่บีม (กวี ตันจรารักษ์) พี่ออย (อฏิพรณ์ จิตต์ธรรมวงศ์) บอกว่าตอนแรกเหมือนลิงมากกว่านี้ แต่แพทก็ไม่รู้นะว่าเหมือนลิงยังไง น้องก็น้ำหนักกำลังดีค่ะ ตอนอุ้มน้องแพทเหงื่อแตกเลย คือแพทไม่เป็นเลย เขาตัวเล็กมากๆ ค่ะ เรากลัวว่าเราจะทำอะไรไม่ถูกต้องหรือเปล่า”

ปัดไปฝึกซ้อมเลี้ยงลูก แค่เอาทองไปรับขวัญหลาน และก็แอบถามข้อมูลลับ

“ไม่ ก็ไปเยี่ยมค่ะ ไปรับขวัญหลานนิดหนึ่ง พี่แดนเตรียมทองไปให้น้อง แคปชั่นที่เราเขียนว่าแอบได้ข้อมูลมา ก็คือบอกไม่ได้จริงๆ ค่ะ เป็นความลับที่หากคนไม่เคยท้องจะไม่รู้ (หัวเราะ) ต้องไปถามพี่ออย ก็ไม่ถึงกับเป็นเคล็ดลับการมีน้องแฝดค่ะ แต่มันบอกต่อหน้ากล้องไม่ได้จริงๆ (หัวเราะ) แพทก็เพิ่งรู้เหมือนกัน เราก็ อ๋อ ถ้าเกิดท้องมันต้องเป็นแบบนี้นะ แค่นั้นเอง”

แดน แพท น้องแฝด

แพทตี้ ไม่รู้ แดน เห่อหลานขนาดไหน แต่ว่าดูคล่องมาก

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ว่าเขาก็ดูคล่องนะ หรือมือเขาใหญ่ไม่รู้ เขาจับปุ๊บ น้องก็หลับคามือเลยค่ะ พี่แดนคล่องขนาดนี้ก็ดีค่ะ แต่ว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องซ้อมเลี้ยงเลย เนื่องจากว่าเราแค่ไปหาหลานมากกว่า และก็ไปเยี่ยมหลานคนโตด้วยค่ะ”

ผู้ใหญ่มีพูดอยากอุ้มหลานแล้ว แต่ว่ายังอยากเที่ยว และก็ใช้ชีวิตสองคนก่อน

“ผู้ใหญ่ก็มีพูดอยู่ค่ะ (หัวเราะ) พูดเยอะค่ะ อย่างมีคลิปที่เราทานข้าวรวมกับญาติๆ ในยูทิวบ์ ก็จะพูดแบบรอแล้วนะๆ ทุกคนพูดแล้วว่าอยากอุ้มหลาน แต่ว่าเราอยากเที่ยวแป๊บหนึ่ง อยากใช้ชีวิตกันสองคนก่อน พี่บีมก็พูดว่ายังไม่ต้องรีบๆ เนื่องจากว่าหากมีแล้วมันจะวุ่นประมาณหนึ่งเลย ก็ยังไม่รู้ ยังบอกไม่ได้ค่ะ กะว่าเที่ยวก่อนสักพักหนึ่ง แต่ว่าหากน้องมาก็ตามนั้นค่ะ (หัวเราะ) ก็ปล่อยธรรมชาตินะ แต่ว่าก็ต้องแพลนก่อน ของแพลนก่อนค่ะ”

ไม่ได้โดนกดดันเนื่องจากว่าทุกคนรู้ดี ว่ามันขึ้นอยู่กับความพร้อม

“ไม่นะ คือจริงๆ เหมือนผู้ใหญ่ก็พูดเป็นแบบว่า รออุ้มนะ หากมีเมื่อไหร่ทุกคนก็แฮปปี้ยินดี เขาไม่ได้แบบว่าต้องมีเลยนะๆ เนื่องจากว่าเขารู้ว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับกับความพร้อมด้วย ส่วนพี่แดนอยากมีหรือยังเหรอคะ ก็น่าจะโอเคแล้วมั้งคะต้องถามพี่แดนอีกทีหนึ่ง คือเรื่องนี้อีกสักพักเราก็คงจะรู้แหละ ว่าตกลงเราพร้อมหรือไม่พร้อม”

ขำๆ บอก “แดน” ปรึกษาก่อน หลังเคยไปเกทับ “บีม” ว่าหากเขามี 4 เราต้องมี 5

“อุ้ย…ปรึกษาก่อนพี่แดน มันได้เหรอคะ 5 คนในท้องเดียว โห (หัวเราะ) คือหลายคนบอกเอาไปเลยแฝด 4 แฝด 5 แพทก็บอกอุ้ย ได้เหรอคะ หากออกมาแบบนั้นได้จริงๆ ก็ต้องแจกจ่ายเลยนะ เอาไปทีละคนนะคะ ช่วยเลี้ยงหน่อย (หัวเราะ) แต่ว่าแพทว่าเอาคนแรกให้รอดก่อนดีกว่าเนอะ เนื่องจากว่ามันน่าจะไม่ได้ง่ายเท่าไหร่ แต่ว่าก็ไม่ได้ยาก ก็ต้องลองในเวลานั้นอีกทีหนึ่ง สุขภาพช่วงนี้ก็ยังไม่ได้ตรวจค่ะ แต่ว่ามีความคิดว่าเดี๋ยวก็คงต้องไปตรวจหน่อย แต่ว่าช่วงนี้ก็ไม่ได้คิดกังวลอะไรค่ะ เราไม่อยากคิดไปก่อน ว่ามันจะดีหรือไม่ดี ค่อยว่ากัน”

คิดภาพมีลูกในตอนนี้ก็แปลกๆ เนื่องจากว่ายังรู้สึกว่าเป็นน้องเล็กของบ้านอยู่

“ก็แปลกๆ อยู่เลยนะ เนื่องจากว่าขณะนี้ก็ยังอยู่กับคุณแม่ เรารู้สึกว่าเราเป็นน้องเล็กของบ้าน ยังเป็นลูกของแม่ ยังอ้อนเขาอยู่ พอวันหนึ่งถ้าจะมีลูก ก็คิดว่ามันคงเป็นอีกสเต็ปหนึ่งมั้งคะ”

แดน วรเวช แพท

ยังไม่ได้คิด อยากมีลูกเพศหญิงหรือผู้ชาย

“ยังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้นเลยค่ะ ช่วงนี้ก็ยังอยากไปเที่ยวก่อน คือเราสองคน ไม่ได้เที่ยวมา 2 ปีแล้วด้วย พอโควิดเริ่มดีขึ้น ก็อยากไปเที่ยวก่อน ใช้ชีวิตแป๊บหนึ่ง แต่ว่าหากมาก็ไม่ติด แต่ว่ายังไม่รู้เลย (หัวเราะ)”

เรือนหอช่วงนี้ 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว พยายามคุมให้งบไม่บานปลายอยู่

“ช่วงนี้น่าจะ 80 เปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ เขาตามใจเต็มที่ค่ะ แต่งบก็อั้นอยู่ (หัวเราะ) ช่วยคุมงบให้อยู่ค่ะ พยายามไม่ให้ปานปลาย ตอนนี้ยังไม่เกินมาก ยังคุมได้ดี สำหรับแพทสนุกกับการสร้างบ้านมาก เนื่องจากว่าแพทจัดการทุกอย่างเลย ทุกอย่างก็ยังผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หรือแพทโชคดีมากที่เจอแต่คนที่ร่วมงานกันแล้วแฮปปี้มากๆ ทำงานกันอย่างมืออาชีพมากๆ เลยค่ะ”

ไม่กล้ากำหนดวันเสร็จ เนื่องจากว่ามันเลยมาแล้ว เลยยังแยกกันอยู่เหมือนเดิม

“ถามว่าจะเสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ตอนไหน จริงๆ มันเลยไปแล้ว ก็เลยไม่กล้ากำหนด ก็พยายามกดดันเล็กๆ กับผู้รับเหมา ช่วงนี้พี่แดนก็อยู่คอนโด หนูก็อยู่ที่บ้านเดิม เพราะว่าหากหนูไปอยู่คอนโดพี่แดน ก็จะเรื่องน้องสุนัขนิดหนึ่งที่เขาติดแพทมาก แล้วเอาน้องไปไม่ได้ แต่พอพี่แดนจะมาอยู่กับหนู ก็ที่บ้านคนเยอะนิดหนึ่ง เพราะเป็นครอบครัวใหญ่มากๆ ก็เลยรู้สึกว่า ถ้างั้นเราเป็นแบบนี้ไปก่อน แล้วเดี๋ยวบ้านเสร็จค่อยเข้าไปอยู่ด้วยกัน พี่แดนก็ไม่ได้ติดอะไรเลยค่ะ เป็นการตกลงกันทั้งสองฝ่าย”

แต่งงานแล้วหวานกว่าเดิม แถมยังกล้าแสดงออกมากขึ้น

“เราก็แบบไปๆ มาๆ เจอกันบ้างค่ะ ไม่ได้ต่างคนต่างอยู่เลย พี่แดนเขาก็หวานๆ ของเขาอยู่แล้ว แต่ก็เขาหวานมากขึ้นนะ อาจจะกล้าแสดงออกมากขึ้น ปกติหากอยู่ข้างนอกเขาจะไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขากล้าทำมากขึ้น กอดมากขึ้นค่ะ ก็ชอบ เหมือนเราให้ความรักกันและกันค่ะ แพทว่ามันดีนะ”

เขินเรียก “แดน” ว่าคุณสามี ขอเรียกอีกสักปีน่าจะชิน อ้อนผ่านสื่อ หนูอยากได้ยินคำว่า คุณภรรยา

“อุ้ย (หัวเราะ) เขินเหมือนกันนะ ก็ยังเขินๆ อยู่ค่ะ ไม่คุ้นเท่าไร แต่ว่าหนูยังไม่เคยได้ยินคำนี้จากพี่แดนนะ ฝากบอก ยังไม่เคยเรียกคุณภรรยา อยากได้ยินค่ะ (หัวเราะ) ส่วนพี่แดนก็เป็นสามีค่ะ มันไม่ชิน มันเขิน ต้องเรียกบ่อยๆ ถึงจะชินค่ะ ขอเวลาสักปีหนึ่ง (หัวเราะ) แต่หนูเคยพูดแล้ว อยากฟังพี่แดนบ้าง พี่แดนขา หนูอยากได้ยินด้วยค่ะ คำว่าคุณภรรยา”

Posted on

“โบว์ เมลดา” ไม่ได้ท้อง แค่ไม่ได้อึ ผันตัวเป็นเศรษฐีนี กว้านซื้อที่เก็บเป็นทรัพย์สิน

โบว์ เมลดา ไม่ได้ท้อง

“โบว์ เมลดา” ตอบชัด ไม่ได้ท้อง แค่ไม่ได้อึ เข้าไปคอมเมนต์ตอบ แต่ว่าไม่ได้โกรธ โดนทักบ่อยครั้ง แต่ว่าไม่เสียเซลฟ์ รู้ตัวเอง ตื่นมาก็สวยแล้ว ปัด “อาเล็ก” พากินเยอะ ขณะนี้ชวนกันฟิตหุ่น อยากถ่ายรูปแซ่บๆ กว้านซื้อที่ เป็นเศรษฐีนีท่านหนึ่ง เก็บไว้เป็นทรัพย์สินในอนาคต

หลังมีแอ็กเคานต์หนึ่ง นำรูปของสาว “โบว์ เมลดา สุศรี” มาลง พร้อมตั้งคำถามว่า “Are you pregnant? คุณท้องหรอ?” จนเจ้าตัว ต้องเข้าไปตอบว่า “Yes it’s poop” ล่าสุดวันที่ (24 พฤศจิกายน) ได้พบโบว์ ในงานเอ็มโพเรี่ยม เอ็มควอเทียร์ วินเทอร์ วันเดอร์แลนด์ 2022 – เดอะ แฮปปี้เนส อินเวชั่น ก็เลยขอถามถึงประเด็นนี้ ว่ามีแอบเสียเซลฟ์ บ้างหรือเปล่า ที่อยู่ดีๆ ก็โดนทัก ว่าท้อง

“เราไม่ได้ท้อง เราแค่ไม่ได้อึ (หัวเราะ) วันนั้นอะ แค่ระบบขับถ่ายไม่ค่อยดีเท่าไร ก็เลยนิดหนึ่ง แต่ว่าวันนี้ก็ไม่มี (หัวเราะ) คือทุกคนมีปัญหาแหละ ว่าวันไหน ตื่นผิดเวลา บางทีก็อาจจะอึไม่ตรงเวลา อะไรอย่างนี้ ถามคำถามว่าเสียเซลฟ์ไหม ก็ไม่เลย ปกติ เรารู้ตัวอยู่แล้ว ว่าเราหน้าท้องแบนเรียบมาก แต่ว่าวันนั้นแค่แบบไม่อึจริงๆ ขอโทษด้วย แต่ว่าจริงๆ โดนทักแบบนี้หลายทีแล้ว เราเลยรู้ว่าเออ บางที่ก็แจ๊คพอต ได้ชุดแบบผ้าทวิตอะ โอ้โห อยากได้ยาถ่ายเลย ซึ่งเหตุผลแต่ละครั้ง ก็จะมีไม่ได้อึบ้าง เพิ่งจะทานข้าวเสร็จบ้าง”

เมลดา สุศรี

โบว์ เมลดา ไปคอมเมนต์ตอบแต่ว่าไม่ได้โกรธ

“ไม่มีได้โกรธ เราเมนต์ ตอบว่า Yes it’s poop แบบนี้เลย มีความรู้สึกว่าน่าจะเป็นคนไทยนี่แหละ แต่ว่าไม่พิมพ์ไทย ยืนยันว่าไม่ได้ท้อง ยังไม่มีสามี จะมาท้องอะไรเล่า (หัวเราะ) แค่ไม่ได้อึ แค่อึไม่ออก ไม่เสียเซลฟ์ เนื่องจากรู้ว่าตื่นมาอะสวย”

บอกไว้ตรงนี้ หากมองเห็นพุงป่อง คือวันนั้นไม่ได้อึ

“หากไม่ได้อึ แล้วได้ชุดแบบงั้นอีก ก็ทำอะไรไม่ได้แม่ ก็เนี่ย ก็มาบอกทุกคน ว่าวันไหน เห็นว่ามีพุงป่องๆ หมายความว่ามันไม่ได้อึ ต้องเข้าใจนะ (บางคนมองว่าบูลลี่หรือเปล่า?) อีโรคบูลลี่เนี่ย ก็เป็นทุกคนแหละ คำว่าบูลลี่ กับเป็นห่วง มันมีเส้นบางๆ อะไรที่ดี มีแนะนำ อะไรที่ไม่ดี ก็ไม่ต้องพูด เรารู้ว่า เราไม่ได้อึจริงๆ”

อาหารเสริมระบบขับถ่าย ติดต่อมาได้ พร้อมรีวิว

“เข้ามาเลย อะไรที่เอาออกเนี่ย เอามาเลย เนื่องจากหากเราตื่นไม่ถูกเวลา ก็จะอึอีกครั้งตอน 6 โมงเย็นเลย”

ปัดอึไม่ตรงเวลา เนื่องจากหวานใจ “อาเล็ก ธีรเดช เมธาวรายุทธ” พากินเยอะ ขณะนี้ชวนรักษาหุ่นแล้ว เนื่องจากอยากถ่ายรูปแซ่บๆ

“ไม่ พี่เล็กก็ไม่กินแล้ว หนูก็ไม่รู้ค่อยกิน แต่ว่าอย่าให้พูดย้ำเลย เขินเว่ยทุกคน หนูไม่ได้เป็นคนกินเยอะ แต่ว่ากินจุกจิก หากมันป่อง คือแค่เราอุจจาระไม่ออก พี่เล็กก็ไม่ได้พาไปกินเยอะ เนื่องจากเราก็ช่วยกันควบคุมหุ่นแล้ว เราอยากถ่ายรูปแซ่บๆ กันและ”

โบว์เมลดา ig Thaisupermodel 2013 (@bow_maylada)

bow maylada

“อาเล็ก” ให้สัมภาษณ์ ว่าห่วง แต่ว่าไม่ห้ามเซ็กซี่

“ไม่นะ เขาห้ามนะ แหมต่อหน้าสื่อเธอพูดว่า เธอไม่ห้ามฉันหรอ แต่ว่าเขาก็ให้แต่งตัว แต่ว่าให้ดูกาลเทศะ ชุดว่ายน้ำ ก็อนุมัติ แต่ว่าก็ไม่ได้ไฮคัท มองเห็นหมดทั้งตัวอะไรอย่างงั้น”

ขณะนี้ยังไม่มีแพลนเที่ยว เนื่องจากคิวแน่น รอไปประเทศญี่ปุ่นทีเดียว

“ขณะนี้น่าจะยากค่ะ เนื่องจากคิวค่อนข้างจะฮอตมากจริงๆ ทั้งละคร ทั้งงานอีเวนต์ เราสองคนแบบแน่น แต่ว่าก็รับได้อีก มาได้อีก I love my job ส่วนคริสต์มาสก็อาจจะมาบ้านโบว์ สั่งอาหารมากินกัน รวมทั้งมีต้นคริสต์มาสสักหน่อย”

เป็นเศรษฐีนี กว้านซื้อที่ ไว้เป็นทรัพย์สิน บอกไม่ได้อยากอวด มีเยอะจนสร้างหมู่บ้านได้

“ใช่ ก็คือตอนที่เรามี เราก็เก็บเป็นสินทรัพย์เราในอนาคต ไปซื้อที่กาญจนบุรี เรียกโบว์ว่า ไฮโซกาญฯ (หัวเราะ) จุดเริ่มต้นคือคุณแม่บอกว่า หากไม่ลงที่ดิน ก็อสังหาริมทรัพย์หรือว่าทองคำ เนื่องจากเราไม่ได้ทำธุรกิจอะไร ก็นี่แหละ อาจจะเป็นทรัพย์สินของเราได้ ถามคำถามว่าขณะนี้มีเยอะไหม ก็ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวหาว่าอวด ไม่ได้เยอะมาก แค่พอสร้างบ้านได้ หากให้อวด ก็คือสร้างหมู่บ้านได้ แต่ว่าหากไม่อวด ก็คือบ้านหลังเล็ก (หัวเราะ)

ก็น่าจะมีซื้อเพิ่มอีก แต่ว่าเปลี่ยนจังหวัดแล้ว อยากมีหลายๆ จังหวัด เผื่อใครที่ร้อนในตอนนั้น ก็เดี๋ยวจะช่วยซื้อให้ ซึ่งที่ ที่เราไปซื้อ ก็ไม่ถึงกับใจกลางเมือง เนื่องจากเป็นที่ธรรมชาติซะส่วนใหญ่ เนื่องจากคนสมัยปัจจุบันต้องการอะไรที่เป็นธรรมชาติมากๆ เลยพยายามเก็บ ในส่วนที่จะได้ไม่ต้อง ไปทำลายเขา เกณฑ์การตัดสินใจซื้อ ก็คือ ดูดวงค่ะ ทำเลดี ต้องมีตังค์ หน้าติดน้ำ หลังติดภูเขา”

โบว์ เมลดา แฟน อาเล็ก ธีรเดช เมธาวรายุทธ

ไม่ได้ซื้อไว้ เป็นเรือนหอในอนาคต เนื่องจากอันนั้นจะต้องไปถาม “อาเล็ก” เอง

“ไม่เลย ที่ดินตรงนี้กะว่า จะทำบ้าน ไว้ให้มาพักผ่อน ใครสนใจมาพัก อยากมาเช่าอะไรได้หมดเลย ส่วนที่ของเรา ก็ไปถามเขาได้ไหมอะ (เอามือทัดหู)”

Posted on

สลด!! ยอดเหยื่อแผ่นดินไหว‘ชวา’พุ่งเป็น268คน จำนวนมากเป็นเด็ก ยังมีผู้สูญหายอีก151

แผ่นดินไหว ชวา

ยอดผู้ตายที่รวบรวม จนถึงวันอังคาร (22 เดือนพฤศจิกายน) จากเหตุ แผ่นดินไหว เขย่าจังหวัดชวาตะวันตก ของอินโดนีเซีย พุ่งขึ้นมาเป็นอย่างน้อย 268 คน จำนวนมากเป็นเด็กๆ ขณะที่ยังมีผู้หายสาบสูญอีก 151 คน พวกเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยระบุ ในตอนที่หน่วยกู้ภัย เที่ยวค้นหาผู้มีชีวิตรอดซึ่งติดอยู่ ตามซากหักพัง ของอาคารที่พังถล่มลงมา

แผ่นดินไหวคราวนี้ซึ่งวัดความรุนแรงได้ 5.6 แมกนิจูด ทว่าศูนย์กลาง อยู่ในระดับ ค่อนข้างตื้น ถล่มใส่ จังหวัด ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด ของอินโดนีเซีย ตอนช่วงเวลาบ่าย 13.00 น.วันจันทร์ (21) สร้างความเสียหายให้แก่ เมืองซิอันจูร์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวง จาการ์ตา ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ราว 75 กม. และฝังหมู่บ้านอย่างน้อย 1 แห่งให้จม อยู่ใต้ดินโคลน ซึ่งถล่มตามลงมา

ซูฮาร์ยันโต ผู้อำนวยการ สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติ ของอินโดนีเซีย หรือบีเอ็นพีบี บอกกับ พวกผู้รายงานข่าวว่า นอกจากผู้ตายแล้ว ยังมีคนได้รับบาดเจ็บมากกว่า 1,000 คน ผู้ที่ต้องหาที่พักใหม่ชั่วครั้งคราว 58,000 คน และบ้านช่องเสียหายราว22,000 หลัง

ขณะที่ เฮนรี อัลฟิอันดี ผู้อำนวยการ ของสำนักงานค้นหา และกู้ภัยแห่งชาติ (บาซาร์นาส) แถลงว่า การที่มี ดินโคลนถล่ม ในหลายๆ จุด และพื้นดินที่แข็งด้วยเหตุว่าแถบนี้ เป็นเขตภูเขา เป็นปัญหาต่อความพยายาม ในการกู้ภัย

นอกเหนือจากนั้น พื้นที่ประสบภัย ยังแผ่กว้าง ขณะที่ถนนเชื่อมระหว่างหมู่บ้านต่างๆ รอบๆ นี้ต่างได้รับความเสียหาย ก็ถือเป็น ความท้าทายสำคัญ อัลฟิอันดี กล่าวต่อ

ผู้ได้รับบาดเจ็บ

สำหรับเหยื่อผู้ตาย แผ่นดินไหว

โดยจำนวนมาก เป็นเด็กๆ ซึ่งอยู่ในสถานที่เรียน ในตอนที่แผ่นดินไหว

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา อินโดนีเซียมักเผชิญแผ่นดินไหว ที่มีความรุนแรง กว่าครั้งนี้ นั่นคือ ระดับ 6 หรือ 7 แต่ว่าหลายครั้งเป็นพื้นที่ใต้ทะเล สำหรับคราวนี้แม้ความรุนแรงต่ำกว่า ก็สร้างความเสียหายหนักกว่ามาก ด้วยเหตุว่าศูนย์กลาง แผ่นดินไหวล่าสุด อยู่ในระดับค่อนข้างตื้น นั่นคือ ลึกลงจากพื้นดินราว10 กม.

พวกเจ้าหน้าที่ บอกด้วยว่า เหยื่อจำนวนมากเสียชีวิตด้วยเหตุว่า อาคารต่างๆ ที่ก่อสร้างอย่างไม่แข็งแรง เกิดถล่มลงมา

ทางด้าน ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด กล่าวระหว่างเดินทาง ไปตรวจสอบพื้นที่ประสบภัย เมื่อวันอังคาร (22) ว่า ได้สั่งการ ให้เจ้าหน้าที่รีบค้นหาผู้รอดชีวิตที่ยังติดอยู่ ใต้ซากอาคารบ้านเรือน เป็นอันดับแรก

นอกเหนือจากนี้ผู้นำอินโดนีเซีย ยังแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัว ผู้ประสบเหตุ และก็ประกาศว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนฉุกเฉิน โดยการฟื้นฟูบูรณะ จะรวมถึงโครงงานสร้างที่พักที่อาศัย ซึ่งต้านแผ่นดินไหวได้ เพื่อป้องกันภัยพิบัติธรรมชาติ ในอนาคต

ทั้งนี้ หลังแผ่นดินไหว เมื่อวันจันทร์ คนที่บาดเจ็บจำนวนมาก ถูกนำตัว ไปยังพื้นที่จอดรถของโรงพยาบาล ในเมืองซีอันจูร์ บางคนได้รับการดูแลและรักษาในเต็นท์ชั่วคราว บางคนได้รับน้ำเกลือ บนทางเท้า และบุคลากรทางการแพทย์รักษาผู้เจ็บป่วยโดยอาศัยแสงสว่างจากคบเพลิง

คลิปจากคอมพาส ทีวี เผยให้เห็นประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ถือกล่องกระดาษ ที่เขียนข้อความ ขอรับบริจาคอาหาร และก็ที่พักพิง ขณะที่การช่วยเหลือฉุกเฉิน ยังไปไม่ถึง

เดดิ ปราเซ็ตโย โฆษกสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า ตำรวจหลายร้อยนาย ถูกส่งไปช่วยเหลือปฏิบัติการช่วยเหลือ และภารกิจหลัก คือค้นหาและอพยพผู้ประสบภัย

ริดวาน คามิล ผู้ว่าราชการ จังหวัดชวาตะวันตกกล่าวตอนเช้าวันอังคารว่า มีผู้ตาย 162 คน ขณะที่ตัวเลขผู้ตายจากสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติ (บีเอ็นพีบี) อยู่ที่ 103 คน และก็สูญหาย 31 คน

อย่างไรก็ตาม ในเวลาถัดมาตัวเลขผู้ตายถูกปรับขึ้น เป็นอย่างต่ำ 268 คน

เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือยังประสบพบเจอปัญหาจากไฟฟ้าดับ ในบางพื้นที่ และเกิดอาฟเตอร์ช็อกมากกว่า 100 ครั้ง

บ้านเรือนเสียหาย

อินโดนีเซีย ตั้งอยู่บน “วงแหวนไฟ” ในมหาสมุทรแปซิฟิค

ที่เปลือกโลกสองแผ่น มาบรรจบกัน ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวและก็ภูเขาไฟระเบิดหลายครั้ง

เมื่อมกราคม ปีที่ผ่านมา เกิด รายงานแผ่นดินไหว ความแรง 6.2 ที่เกาะสุลาเวสี ทำให้มีผู้ตายกว่า 100 คน และก็ย้อนกลับไปในปี 2004 เกิดแผ่นดินไหว ความแรง 9.1 นอกชายฝั่ง เกาะสุมาตรา ที่ก่อให้เกิดสึนามิ ซึ่งมีผลกระทบต่อ 14 ประเทศ และก็มีผู้ตาย 226,000 คน

นอกเหนือจากนี้ เมื่อวันอังคารยังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ 2 ครั้ง ที่หมู่เกาะโซโลมอน ทำให้สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย สนามบิน และก็ห้างสรรพสินค้าได้รับความเสียหาย และยังมีผลให้เจ้าหน้าที่ต้องดับไฟในกรุงโฮนีอารา อย่างไรก็ดี ไม่มีการออกประกาศ เตือนสึนามิแต่อย่างใด

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยา ของสหรัฐอเมริกา เผยว่า แผ่นดินไหวครั้งแรก เกิดขึ้นนอกชายฝั่ง ที่ความลึก 15 กม. วัดความแรงได้ 7.3 ก่อนที่จะปรับตัวเลข ลงมาอยู่ที่ 7.0 ส่วนครั้งที่ 2 มีความแรง 6.0 และก็เกิดขึ้นห่างกัน 30 นาที

ไบรอัน โทมู เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์สำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ เผยว่า จุดสนใจหลัก อยู่ที่เกาะกวา ดัลคาแนล ซึ่งเป็นที่ตั้ง กรุงโฮนีอารา และก็อยู่ใกล้พื้นที่ เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานคนได้รับบาดเจ็บรุนแรง และความเสียหายเชิงโครงสร้างขนาดใหญ่แต่อย่างใด แต่ทว่า บางพื้นที่ ในเมืองหลวง มีการดับไฟฟ้าทันที เพื่อประเมินความเสียหาย ของสายไฟฟ้าเบื้องต้น นอกเหนือจากนี้ยังไม่สามารถที่จะใช้โทรศัพท์พื้นฐานได้

ที่มา: รอยเตอร์(Reuters Breaking International News & Views), เอเอฟพี(AFP), เอพี(AP)

Posted on

กลุ่ม LGBT และผู้หญิงเรียกร้องให้ขจัดปัญหากีดกันทางเพศในกาตาร์

สิทธิสตรี ฟุตบอลโลก การ์ต้า LGBT

ฟุตบอลโลก การ์ต้า ขณะที่ กาตาร์ กำลัง รับหน้าที่ เจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะเปิดฉากขึ้นวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ หัวข้อ ด้าน สิทธิมนุษยชน ใน ประเทศ ก็ กำลัง ได้รับ ความสนใจ ชาวกาตาร์ 2 คนเล่าให้บีบีซีฟังว่าข้อบังคับศาสนาที่เอาจริงเอาจังของกาตาร์มีผลเสียต่อ ชีวิต ประจำวัน ของพวกเขายังไงใน ฐานะ บุคคล ผู้มีความมากมายหลากหลายทางเพศ (LGBT) รวมทั้งเพศหญิง

อาซิสขยับตัวไปๆมาๆด้วยความอายขณะที่พูดคุยทาง ออนไลน์ จาก กรุงโดฮา กับ ทีม ข่าวบีบีซี เขาต้องการออกมาบอกกับสื่อ แต่ว่าก็แจ่มชัดว่าเขาจำต้องใช้ความกล้าอย่างมาก รวมทั้งมีท่าทีเคร่งขรึมตลอดการสนทนา

“ผม อยากให้ การ มี ชีวิต อย่าง ผม ไม่เป็น เรื่องผิด กฎหมาย ใน ประเทศ ของผม” อาซิส พูด ด้วย น้ำเสียง ทุ้มต่ำ “ผม อยาก ให้ มี การปฏิรูป ที่ ระบุว่า ผม สามารถ เป็น เกย์ ได้ โดย ไม่ต้อง กังวล ว่าจะ ถูกฆ่า “

อาซิส เล่าว่า ความกังวลที่เขาจำต้องเผชิญอยู่แต่ละวันมาจากการถูกจ้องอยู่เสมอเวลา รวมทั้งบางครั้งการเผลอพูดบางอย่างกับคนผิดคนก็บางทีอาจทำให้เกิดการถูกจับ หรือถูกทำร้ายโทษฐานเป็นเกย์

“ความแตกต่างระหว่างการอยู่ในกาตาร์กับนอก กาตาร์ คือ ในเมืองนอกกฎหมายจะเข้าข้างคุณ” เขาเล่า

“ถ้าใครทำร้ายคุณ คุณสามารถไปที่สถานีตำรวจ และจะได้รับการคุ้มครอง แต่ที่ประเทศนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมอาจตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นหากไปหาตำรวจ”

ใน รายงาน ที่ ออกมา เมื่อเดือนที่ผ่านมาขององค์กร เพื่อ สิทธิ มนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า กลุ่ม LGBT ในกาตาร์ตกเป็นเป้าการคุมขังตามอำเภอใจของข้าราชการฝ่ายความยั่งยืนมั่นคง และก็จำต้องเผชิญการคุกคามทั้งทางวาจารวมทั้งทางกาย

LGBT ฟุตบอลโลก สิทธิสตรี

ฟุตบอลโลก การ์ต้า 2022  กลุ่ม LGBT และผู้หญิงเรียกร้องให้ขจัดปัญหากีดกันทางเพศในกาตาร์

ฉะนั้น การเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมฟุตบอลโลกจึงทำให้กาตาร์ถูกสื่อตะวันตกวิเคราะห์อย่างใกล้ชิดถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม LGBT

แม้ฟุตบอลโลกจะช่วยทำให้หัวข้อนี้ได้รับความพึงพอใจจากนานาประเทศ แต่ว่าอาซิสชี้ว่ามันยังทำให้กลุ่มผู้มีความมากมายหลากหลายทางเพศในกาตาร์มีการเสี่ยงเยอะขึ้นเรื่อยๆ

เขาเล่าว่า “ตอนนี้ผมเห็นคนพูดต่อต้านชาว LGBT ทางออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยบอกว่าพวกเราน่ารังเกียจและขัดต่อหลักศาสนา”

ยิ่งกว่านั้นเขายังคิดว่า การเสวนาเรื่องนี้ยังถูกเอ่ยถึงในทางไม่ดีในต่างประเทศด้วย

“พวกเขาถามว่า ‘พวกเราจะปลอดภัยไหมถ้าไปกาตาร์แล้วเป็นตัวของตัวเองโดยที่ไม่ถูกจับ หรือดำเนินคดีตามกฎหมายกาตาร์’ แต่พวกเขาไม่ได้เป็นห่วงพวกเราเลย และกฎหมายพวกนี้จะอันตรายกับพวกเราแค่ไหน”

ทางการกาตาร์เน้นย้ำว่า เปิดรับแฟนบอลทุกคนในตอนการประลองฟุตบอลโลก แม้กระนั้นพวกเขาก็จำเป็นต้องแสดงความยำเกรงและวัฒนธรรมของกาตาร์ด้วย

อาซิส เกรงว่าความสำเร็จของมหกรรมฟุตบอลโลกครั้งนี้จะนำเสนอภาพของประเทศที่รักความเพลิดเพลิน รวมทั้งทำให้ไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในกาตาร์

ในสหราชอาณาจักร บีบีซีได้พูดคุยกับ เซนับ (นามสมมุติ) ซึ่งแม้ว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว แต่ว่าเธอก็เป็นห่วงว่าการเผยตัวตนในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้จะมีผลเสียต่อครอบครัวของเธอที่อยู่ในกาตาร์

เธอกล่าวว่าแนวความคิดอนุรักษนิยมทางศาสนาที่อยู่ในข้อบังคับกาตาร์ไม่ดีต่อสุขภาพจิตของเธอ ถึงขนาดที่ทำให้เธอเคยพยายามฆ่าตัวตาย

เซนับอธิบายว่า ระบบที่เพศหญิงควรมีผู้ปกครองชายนั้น ทำให้เพศหญิงเป็นเยาวชนไปตลอดชีวิต

“การจะตัดสินเรื่องสำคัญในชีวิต คุณจะต้องได้รับหนังสืออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ปกครองชาย ซึ่งปกติมักเป็นพ่อ แต่หากพ่อเสียชีวิตไปแล้ว ก็จะเป็นลุง พี่ชายน้องชาย และปู่หรือตา”

“ถ้าคุณไม่ได้รับอนุญาตก็จะไม่สามารถตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ไปศึกษาในต่างแดน เดินทาง แต่งงาน หรือหย่าร้าง”

ฟุตบอลโลก การ์ต้า

เธอเล่าว่าการมีพ่อหัวอนุรักษนิยมทำให้เธอไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างที่อยากได้ได้

เธอไม่อยากที่จะให้บีบีซีเผยเนื้อหาถึงเรื่องที่ได้เจอมา เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอเป็นใคร ซึ่งจะสร้างปัญหาให้ครอบครัวของเธอ

เซนับกล่าวว่า ระบบนี้ทำให้เพศหญิงจำต้องทนทุกข์จากการควบคุมบังคับของคนภายในครอบครัว รวมทั้งข้อบังคับที่เอาจริงเอาจังของกาตาร์ก็ทำให้กลุ่มผู้มีแนวความคิดอนุรักษนิยมพอใจ

“พวกเขาเชื่อว่าแนวคิดเรื่องสิทธิสตรีเป็นแนวคิดตะวันตก และขัดต่อค่านิยม วัฒนธรรม และธรรมเนียมของอิสลาม”

ข้าราชการกาตาร์ผู้ ทำงาน ในมหกรรมฟุตบอลโลกครั้งนี้กล่าวว่า เสียง วิพากษ์วิจารณ์ ต่อกาตาร์มีเหตุมาจากการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกจำต้องรวมทั้งเพียงพอ

แนวความคิดดังที่กล่าวถึงแล้วสะท้อนจากปากของนักศึกษาหญิง คนหนึ่ง ที่ ชื่อ โมเซลลา ซึ่งบอกว่า “พวกเราไม่มีความจำเป็นต้องให้ องค์กร ตะวันตก มาที่นี่ เพื่อ กล่าวว่าพวกเราควรจะทำอะไรและไม่ควรจะทำอะไรบ้าง”

“นี่คือ ประเทศ ของเรา เรา ต้อง ได้รับ โอกาส ในการ พัฒนา ตาม แนวทาง ที่เรา เห็นว่า เหมาะสม ไม่ใช่ แนวทาง ที่ ผู้อื่น สั่งมา”

แม้กระนั้น เสียงคนกาตาร์ที่วิจารณ์ประเทศตนเองนั้นถูกเซ็นเซอร์อย่างหนัก รวมทั้งอย่างที่พวกเรามองเห็นในบทสัมภาษณ์นี้ว่าคนที่ออกมาวิจารณ์กาตาร์ต่างหวาดกลัวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตน แม้ว่าจะเป็นการกล่าวถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนขั้นต้นที่พวกเขาควรมีก็ตาม

รายงานเพิ่มเติมอีกโดย แฮร์รี ฟาร์ลีย์

ขอขอบคุณสำนักข่าว BBC

Posted on

เปิดบทสัมภาษณ์ “โรนัลโด้” ฉบับเต็มจากรายการเพียร์ส มอร์แกน

เปิดบทสัมภาษณ์ โรนัลโด้

“ผมแค่ทำตามเสียงของหัวใจ” เปิดบทสัมภาษณ์ “โรนัลโด้” จากรายการของเพียร์ส มอร์แกน

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เปิดเผยว่าเขา “ใกล้” ที่จะย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากยูเวนตุส ในฤดูร้อนปี 2021 ก่อนที่จะตัดสินใจกลับไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในในที่สุด

อย่างไรก็แล้วแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด โฉบเข้ามาในระยะเวลาสุดท้ายเพื่อพาเขากลับมาที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด และโรนัลโด้เปิดเผยว่าอดีตกุนซือในตำนานของสโมสร เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นกุญแจสำคัญในการย้ายทีม

“เอาจริงๆ นะ มันใกล้แล้ว… แต่อย่างที่คุณทราบ ประวัติศาสตร์ของผมคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หัวใจของคุณ คุณกำลังรู้สึกเช่นเดียวกับสองคนนี้ที่คุณเคยทำมาก่อน สร้างความต่าง และแน่นอนเช่นกัน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” โรนัลโด้ กล่าวกับ เพียร์ส มอร์แกน ในการให้สัมภาษณ์ ทาง TalkTV

“ผมก็เลยแปลกใจ และเช่นเดียวกัน แต่มันเป็นการตัดสินใจที่มีสติ เนื่องจากว่าผมทำตามเสียงของหัวใจ”

“ผมคิดว่ามันเป็นกุญแจสำคัญ (เฟอร์กูสัน) มันเป็นความแตกต่างในขณะนั้น ผมจะไม่บอกว่าแมนเชสเตอร์ซิตี้ไม่ได้อยู่ใกล้ แต่ผมคิดว่าผม ตัดสินใจ อย่างมีสติ เซอร์อเล็กซ์เฟอร์กูสันเป็น กุญแจ”

“ใช่ ผมทำ ผมคุยกับเขาแล้ว เขาบอกผมว่า ‘คุณมาที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นไปไม่ได้’ และผมก็บอกว่า ‘โอเค บอส’”

ronaldo โรนัลโด้

โรนัลโด้ ยังเปิดเกมนัดที่สองให้กับสโมสรกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

เมื่อเขายิงได้สองครั้งในชัยชนะ 4-1 เหนือเดอะ แม็กพายส์ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด

“ความรู้สึกนั้นช่างน่าอัศจรรย์ แต่ไม่ใช่แค่วันของเกมแค่นั้น ผมรู้สึกได้ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้นทุกอย่างเปลี่ยนไป” เขากล่าว

“โลกกล่าวถึงผม คริสเตียโน่ ‘กลับบ้านที่ผมอยู่’ เพราะฉะนั้นจึงเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ได้กลับมาที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเพื่อแสดงให้แฟน ๆ ของเราและแน่นอนว่าการทำสองประตูเป็นการต้อนรับที่ดีที่สุดที่ผมได้รับ ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด

“มันเป็นวันที่น่าจดจำและก็เป็นวันที่เหลือเชื่อ ใช่แล้ว ผมกลับมา… อย่างที่ผมบอกคุณ ที่ผ่านมาว่าแฟนคลับสำหรับผม เป็นทุกอย่าง”

‘ผู้เล่นอายุน้อยไม่สนใจ’

โรนัลโด้ที่จะพลาดเกมกระชับมิตรทีมชาติประเทศโปรตุเกสกับไนจีเรียในวันพฤหัสบดีนี้เนื่องด้วยอาการปวดท้อง วิจารณ์ทัศนคติและความเป็นมืออาชีพของนักฟุตบอลรุ่นเยาว์ในระหว่างการสัมภาษณ์ โดยกล่าวหาว่าพวกเขา “ไม่เคารพ” เพื่อนร่วมทีมที่อายุมากกว่าและมีประสบการณ์มากกว่า

“เรื่องอาหารการกินความหิวโหยของพวกเขา แตกต่างกัน” เขากล่าวเสริม “ผมคิดว่าพวกเขามีสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ทุกอย่างง่าย พวกเขาไม่ต้องทนทุกข์ และมันเลยทำให้พวกเขาไม่สนใจ”

“ผมไม่ได้หมายถึงแค่ไม่กี่คนภายในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ทุกทีมจากทุกลีกในโลก นักฟุตบอลที่อายุน้อยกว่านั้นไม่เหมือนกับรุ่นผมเลย”

“แต่คุณไม่สามารถตำหนิพวกเขาได้ เนื่องจากว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และคนรุ่นใหม่ เทคโนโลยีใหม่ ที่ทำให้พวกเขาเสียสมาธิ”

โรนัลโด้เลือก ดิโอโก ดาโลต์ เพื่อนร่วมทีมยูไนเต็ด และ ประเทศโปรตุเกส วัย 23 ปี ให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นอายุน้อยที่เขาสามารถยกย่องได้

โรนัลโด้ยังกล่าวอีกว่าลิซานโดร มาร์ติเนซและคาเซมิโร่เป็นผู้เล่นคนอื่นๆที่เขาชื่นชมที่สโมสร

“ในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมสามารถกล่าวถึงดาโลต์ ได้ เขายังเด็ก แต่เป็นมืออาชีพมาก แต่ผมไม่สงสัยเลยว่าเขาจะต้องประสบความสำเร็จในวงการฟุตบอลเนื่องจากว่าเขายังเด็ก เขาฉลาด และก็เป็นมืออาชีพมาก”

‘ผมไม่เคยได้ยินเรื่อง รังนิค’

เพียงสองเดือนภายหลังจากโรนัลโดกลับมาที่ยูไนเต็ด อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขา โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ถูกไล่ออกจากตำแหน่งกุนซือ และแทนที่โดยราล์ฟ รังนิค ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ฝึกสอนชั่วคราวจนกระทั่งหมดฤดูกาล

“ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกสอนด้วยซ้ำ” เขากล่าวเสริม “สโมสรใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้สร้างความประหลาดใจไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น แต่ยังทำให้คนทั่วทั้งโลกประหลาดใจด้วย”

cristiano ronaldo โรนัลโด้

เมื่อถูกถามว่าเขาเคยได้ยินเรื่องรังนิคไหม โรนัลโด้กล่าวเสริมว่า

“ไม่ ไม่แน่นอน ไม่มีใคร คนที่ผมคุยด้วยรู้จัก

“ผมเคารพ เขา ผู้ฝึกสอนทุกคนในอาชีพการงานของผม ผมต้องเรียกพวกเขาว่าเจ้านาย แต่ลึกๆ ในตัวผม ผมไม่เคยมองเห็นเขาเป็นหัวหน้า เนื่องจากว่าผมมองเห็นบางจุดที่ผมไม่เคยเห็นด้วย”

‘คำวิจารณ์จากอดีตนักฟุตบอล’

โรนัลโด้ยังวิจารณ์ตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เวย์น รูนี่ย์ และแกรี่ เนวิลล์ หลังจากที่ทั้งสองคนพึ่งจะตั้งคำถามถึงพฤติกรรมของเขา

รูนี่ย์กล่าวเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่าโรนัลโด้อาจจะเป็นส่วนเกินของสโมสร หลังจากที่เขาปฏิเสธที่จะลงเล่นแทนในเกมที่พ่ายแพ้ท็อตแน่มเมื่อเดือนที่ผ่านมา และชาวประเทศโปรตุเกสกล่าวถึงรูนีย์ว่า: “ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงวิจารณ์ผมแย่มาก ผมไม่รู้ว่าเขาไม่ชอบผมหรือเปล่า”

“ผมไม่เข้าใจคนอย่างงั้นจริงๆ หรือว่าพวกเขาอยากขึ้นปกข่าว หรือพวกเขาต้องการงานใหม่ หรืออะไรก็ตาม”

“น่าจะ อิจฉา เนื่องจากว่าเขาจบอาชีพตอนอายุ 30 ผมยังคงเล่นระดับสูงอยู่”

กับเนวิลล์ เขากล่าวเสริมว่า: “พวกเขาไม่ใช่เพื่อนของผม พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน พวกเราไม่ได้รับประทานอาหารเย็นด้วยกัน เป็นต้น

“แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของผม พวกเขาชอบวิจารณ์ผมทุกครั้ง เพราะฉะนั้นผมก็เลยเดินทางต่อไปและผมต้องตามให้ทันคนที่ชอบผม”

นักฟุตบอลวัย 37 ปีพยายามที่จะออกจากโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดในช่วงซัมเมอร์ โดยแจ้งสโมสร ถึงความปรารถนาที่จะย้ายออกไป เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม แต่ไม่มีคู่ครองที่ชัดเจนในช่วงตลาดนักฟุตบอล ส่วนที่สอง ของบทสัมภาษณ์ ของโรนัลโด้ กับมอร์แกน จะออกอากาศ ในคืนพรุ่งนี้ ติดตามรับชมกันต่อไป

Posted on

อาจารย์นิด้าจวกไทยพีบีเอส ทำเป็นจับโป๊ะปลากุเลาตากใบ เชฟเสียหาย ประเทศไทยเสียชื่อ

อาจารย์นิด้าจวกไทยพีบีเอส ปลากุเลาตากใบ

อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ฯ นิด้า ตั้งคำถามไทยพีบีเอส ทำไมข่าวจับโป๊ะ ปลากุเลาตากใบ นักข่าวถึงเชื่อมั่นว่าไม่มีการซื้อจริง ไม่ถามต้นทางคือเชฟชุมพลหรือโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ว่าลงพาดหัวเรื่อง “จับโป๊ะ” ทำเชฟชุมพลเสียหาย และเสียชื่อเสียงเมืองไทย ชี้ก่อนหน้าที่ผ่านมาข่าวสารออนไลน์พลาดหลายครั้ง แล้วกล่าวว่าจะแก้ไข ใครรับผิดชอบ

วันนี้ (15 พ.ย.) จากกรณีที่เฟซบุ๊ก “Thai PBS ศูนย์ข่าวภาคใต้” ของศูนย์ข่าวภาคใต้ สถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า ผู้ประกอบการปลากุเลาเค็มตากใบ จังหวัดนราธิวาสหลายรายโวย เมื่อรู้ว่าปลากุเลาเค็มตากใบที่ถูกเลือกเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่จะเสิร์ฟในงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์แก่ผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจภูมิภาคทวีปเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก 2022 กลับเป็นปลามาจากพื้นที่อื่นที่ถูกนำไปจัดเลี้ยง ไม่เข้าใจว่าทำไมเอาปลาจากที่อื่นมา ไม่ใช่ร้านของตน จึงไม่อยากให้นำชื่อของปลากุเลาเค็มตากใบไปใช้ รวมถึงมีการนำภาพของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโอรังปันตัย จ.ปัตตานี ไปใช้โปรโมต จึงเกรงว่าจะเกิดความเข้าใจผิดว่าสั่งซื้อมาจากกลุ่มนี้ กลายเป็นที่วิจารณ์สนั่นโซเชียลฯ

ปลากุเลาเค็ม

ต่อมาเฟซบุ๊ก “ปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบ” โพสต์ข้อความบอกว่า

จากกรณีดรามาในโลกออนไลน์เรื่องปลากุเลาปลอม ยืนยันว่ามาจากร้านของตน เพราะว่าเป็นร้านจำหน่ายปลากุเลาเค็มเพียงรายเดียวในอำเภอตากใบที่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดด้านคุณภาพที่เหมาะสมกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนที่น่าเชื่อถือ (มผช.) ในระดับ 5 ดาว ซึ่งก่อนหน้าที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ได้มาซื้อปลากุเลาเค็มไปจำนวน 1 ตัวเพื่อนำไปชิม กระทั่งมีการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ แต่ว่าเพราะว่ามีการซื้อวันละหลายหมื่นบาทในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาภายหลังจากมีกระแสข่าวเอเปก ทำให้ร้านไม่ทันได้ตรวจสอบ ซึ่งยืนยันว่าหน่วยงานภาครัฐ โดยตัวแทนได้สั่งผ่านระบบออนไลน์ไป จึงเกิดข้อผิดพลาดกันในกลุ่มผู้ค้าขายปลากุเลาเค็มตากใบ

สอดคล้องกับนายชุมพล แจ้งไพร เชฟมิชลินสตาร์ชื่อดังของไทย ซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าเชฟในงานกินเลี้ยงกาลาดินเนอร์แก่ผู้นำเอเปก 2022 ยืนยันว่า กระแสโซเชียลมีเดียที่บอกว่าเมนูปลากุเลาตากใบเป็นปลากุเลาปลอมนั้นไม่เป็นความจริง เพราะว่าได้สั่งปลากุเลาตากใบจากร้าน “ปลากุเลาเค็มตากใบป้าอ้วน” ซึ่งเป็นสินค้าโอทอป 5 ดาว ซึ่งผู้ประกอบการกลุ่มอื่นไม่ได้ทราบในข้อมูลตรงนี้ จึงเกิดความเข้าใจผิด โดยจะใช้เป็นส่วนประกอบในเซตอาหารจานหลัก เพื่อเพิ่มความโดดเด่นในเรื่องของกลิ่นในซอสราดมัสมั่นเนื้อน่องโคขุนจากสหกรณ์โพนยางคำ จังหวัดสกลนคร และก็ข้าวกล้อง 9 ชนิดอบตะไคร้หอม

ล่าสุดเฟซบุ๊ก Warat Karuchit ของ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความหัวข้อ “จับโป๊ะใครกันแน่?” บอกว่า “กรณีการลงข่าวนี้ ข่าวไทยพีบีเอสจะ “จับโป๊ะ” รัฐบาล หรือว่าข่าวไทยพีบีเอสจะถูก “จับโป๊ะ” เสียเอง?

เนื้อหาข่าวไทยพีบีเอสเป็นการให้สัมภาษณ์ของผู้ประกอบการในพื้นที่ตากใบ “บางคน” ที่ให้ข้อมูลว่าไม่เห็นรู้เรื่องว่ามีการซื้อขายปลากุเลาเค็มจากร้านใดร้านหนึ่งใน 9 ร้านที่ได้ขึ้นทะเบียน GI ของจังหวัดไปเลย จึงสรุปได้ว่าที่รัฐบาลโปรโมตว่าจะนำเอาปลากุเลาเค็มไปประกอบอาหารในการประชุมเอเปกนั้น “ไม่จริง”

ซึ่งต่อมาเชฟชุมพล และรองโฆษกรัฐบาล ก็ออกมาให้ข้อเท็จจริงว่า

อาจารย์นิด้า ตั้งคำถามไทยพีบีเอส

เชฟชุมพลซื้อ ปลากุเลาตากใบ มาจากตากใบจริง จากร้านป้าอ้วน

เพราะว่าเป็นร้านเดียวที่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งต่อมาเฟซบุ๊กของร้านป้าอ้วนก็ออกมายืนยันว่ามีการสั่งซื้อไปจริง แต่ว่าด้วยการที่ร้านขายจำนวนมาก ก็ไม่รู้ว่าใครซื้อไปบ้าง (แล้วก็คงบอกกันไปในกลุ่มว่าไม่รู้เรื่องที่ขายปลาเค็มไปประกอบอาหารเอเปก เพราะว่าไม่เห็นมีใครมาติดต่อแจ้งอย่างงั้น)

ผมไม่แน่ใจว่านักข่าวที่ทำข่าวนี้เรียนจบวารสารศาสตร์มาหรือเปล่า หรือ บก.ที่ตรวจข่าวนี้ (มีไหม) ใช้หลักการอะไรในการปล่อยให้ข่าวนี้ออกมาได้ แต่ว่าในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ ผมก็มีคำถามที่คนธรรมดาทั่วไปก็คงจะสงสัยเช่นกัน คือ ทำไมนักข่าวที่ทำข่าวนี้ถึง …

  1. เชื่อมั่นว่าไม่มีการซื้อจริง ด้วยคำบอกเล่าของร้าน (บางคน) ทำไมไม่คิดว่า คนที่ไปสัมภาษณ์นั้นเขารู้จริงหรือไม่ เข้าใจผิดหรือไม่ รู้ได้อย่างไรว่าไม่มีคนซื้อไปทำอาหารเอเปก การหาข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานนี่คือหลักการวารสารศาสตร์เบื้องต้นเลย
  2. หากไม่แน่ใจว่าร้านค้าจะรู้ข้อมูลหรือไม่ ทำไมไม่ทำสิ่งที่ง่ายที่สุด ก็คือถามไปที่ต้นทาง นั่นคือเชฟชุมพล หรือทางสำนักนายกฯ ก็ได้ ว่าซื้อจริงไหม ซื้อยังไง ใครซื้อ การหาข้อมูลจากอีกฝั่ง ก็เป็นหลักวารสารศาสตร์เบื้องต้นสุดๆ เช่นกัน (ถ้าติดต่อไม่ได้ ก็ระบุไปว่ายังไม่ได้รับคำตอบ)

แต่ไม่ครับ นักข่าวที่ทำข่าวนี้ ไม่ได้ทำทั้งสองข้อ แล้วก็ลงข่าวพร้อมพาดหัวเลยว่า “จับโป๊ะ” ที่แปลว่า “จับโกหก”

คำถามต่อไปของผมคือ

  1. ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชื่อเสียงของเชฟชุมพล จากการเกิดความเข้าใจผิดด้วยข้อมูลบิดเบือน ไทยพีบีเอสและก็นักข่าวคนนี้จะรับผิดชอบยังไง?
  2. ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชื่อเสียงของประเทศไทยในสายตาชาวโลกจากการเกิดความเข้าใจผิดด้วยข้อมูลบิดเบือน ไทยพีบีเอสและก็นักข่าวคนนี้จะรับผิดชอบยังไง?
  3. ไทยพีบีเอสเคยลงข่าวออนไลน์ด้วยข้อมูลที่ผิดพลาดมาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งก็ให้สัญญาว่าจะแก้ไข ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก รวมทั้งมีกลไกการตรวจสอบข่าวก่อนเผยแพร่ กลไกการป้องกัน การตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นคืออะไร ใครเป็นผู้รับผิดชอบ?

เหนื่อยใจเหมือนกันนะครับ เสียเวลาด้วย ที่ต้องมาคอยแก้ไขข้อมูลผิดๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก จากองค์กรสื่อที่ได้งบประมาณจากภาษีปีละ 2,000 ล้าน ที่ควรมีมาตรฐานการทำข่าวและสร้างประโยชน์ให้สาธารณะ ไม่ใช่การสร้าง Fake News เสียเอง

แล้วก็ไม่เข้าใจว่า จะทำประเด็นนี้ให้เป็นดรามาเชิงลบ สร้างความขัดแย้ง และจะมาดิสเครดิตคนทำงานที่พยายามทำเพื่อชาติทำไม ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยได้รับเกียรติสำคัญระดับโลกเช่นนี้? มันมีผลดีต่อใครหรือครับ?

(รายการเด็ก สารคดี ซีรีส์ รายการอื่นๆ ดีนะครับ แต่ว่าข่าวสารออนไลน์ของไทยพีบีเอส ผิดซ้ำซากอย่างมีนัยสำคัญ และกรณีนี้ยิ่งชัดเจนว่าไม่มีระบบการตรวจสอบก่อนลงข่าวครับ)”

ย้อนดูประเด็นดราม่า ปลากุเลาเค็ม

จากกรณี “ปลากุเลาจากตากใบ” ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่จะเสิร์ฟในงานเลี้ยงกาลาร์ดินเนอร์แก่ผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก 2022 ถือเป็นการโปรโมตของดีจังหวัดชายแดนใต้ เป็นสินค้าท้องถิ่นขึ้นชื่อของจังหวัดนราธิวาสให้โด่งดัง เพราะ “ปลากุเลาเค็มตากใบ” เป็นปลาสายพันธุ์ท้องถิ่นของจังหวัดนราธิวาส ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา

คนทั่วไปขนานนามว่า “ราชาแห่งปลาเค็ม” เนื่องจากมีรสสัมผัสกลมกล่อม เนื้อฟู มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ส่งผลให้ปลากุเลาเค็มตากใบ มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 1,300-1,500 เป็นของฝากยอดนิยมที่ผู้คนมักซื้อไปฝากกันนั้น

ล่าสุด วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 มีรายงานว่า ในโลกออนไลน์เกิดประเด็นถกเถียงถึงการนำ “ปลากุเลาเค็มตากใบ” ไปใช้ในการจัดเลี้ยง เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า ผู้ประกอบการปลากุเลาเค็มตากใบ จังหวัดนราธิวาส อ้างว่า ปลากุเลาเค็มตากใบ ที่นำไปจัดเลี้ยงนั้นเป็นปลาจากพื้นที่อื่น ทำให้หลายคนเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้.

Posted on

อุ้ย! “นอท กองสลากพลัส” มีคลิปฉบับเต็ม “สันธนะ” จะส่งให้ “ชูวิทย์” แลกจิ้มจุ่มมื้อเดียว

ชูวิทย์

จากกรณีช่วงวันที่ 5 พฤศจิกายนก่อนหน้านี้ ตำรวจ สถานีตำรวจทองหล่อ พร้อมผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) นำกำลังเข้าตรวจสอบสถานบริการชื่อ The Lobby X Chuweed ภายในโรงแรม Davis Hotel Corner Wing บนถนนหนทางสุขุมวิท ย่านลำคลองเตย หลังนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล มาแจ้งเหตุกับพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวน สถานีตำรวจทองหล่อ ว่า ชูวิทย์ สถานบริการดังที่กล่าวมาแล้ว เปิดให้บริการเกินในช่วงเวลาที่กฎหมายระบุ และมีกลุ่มวัยรุ่นสุมหัวเสพยาเสพติด

นอท กองสลากพลัส

อ่านข่าว สันธนะ ประจันหน้า ชูวิทย์ ย้ำไม่ได้ดิสเครดิต หลังพฐ.ตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ

โดย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในฐานะเจ้าของโรงแรม นำข้าราชการตรวจสอบ พร้อมกล่าวมาว่า สิ่งที่นายสันธนะ ยัดเยียดข้อหานั้นก็นับว่าเป็นประโยชน์ เพื่อให้ตำรวจได้มาพิสูจน์ โดยผับที่นี้ สำคัญๆลูกชายตนเปิดไว้สำหรับการจัดงานพบปะ งานเลี้ยงวันเกิด งานกินเลี้ยงรุ่นต่างๆซึ่งนายสันธนะเอง จะมาขอจัดแถลงข่าวตรงนี้ก็ได้ ส่วนในกรณีที่นายสันธนะ อ้างว่าสายลับที่ตนเองส่งเข้ามาร่วมงานได้เสียเงิน 400 บาท และได้รับสายสำหรับรัดข้อมือมานั้นก็เป็นเรื่องปกติของผู้ที่มาร่วมงาน การันตีว่าไม่มีการจำหน่ายยาเสพติดและของผิดกฎหมายเหมือนผับจิ้นหลิงของคนจีนแน่นอน

นายชูวิทย์ ชี้แจงอีกว่า โรงแรมที่นี้มีใบอนุมัติถูก มีล็อบบี้เปิดให้เช่าเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ รับจัดงานงานวันเกิด งานกินเลี้ยงทั่วไป รวมทั้งบาร์ที่นี้ไม่เคยถูกตำรวจมาตรวจยาเสพติดแม้แต่ครั้งเดียว ตนเลิกทำธุรกิจสีเทาทั้งสิ้น แล้วยกโรงแรมนี้ให้ลูกบริหาร ซึ่งโรงแรมนี้เป็นสถานที่เปิด มีอีกทั้งค๊อฟฟี่ช็อปและล็อบบี้ใกล้กัน คนเข้าออกตลอด แม้มีความผิดจริงให้ลงโทษตนได้ ไม่ขอแก้ตัว หลักฐานของนายสันธนะที่ว่า มีชายหญิงไปเข้าห้องอาบน้ำหลายๆคนก็เป็นเรื่องปกติ แม้ห้องสตรีเต็ม ก็ไปเข้าห้องเพศชายนับว่าเป็นเรื่องปกติเพราะเหตุว่ามีห้องอาบน้ำเพียง 3 ห้อง

โดยหัวข้อนี้เกิดขึ้นเพียง 2-3 คราวหลังตนจัดหนักเรื่องผับคนจีน ทุกคนอาจมีวิจารณญาณ ตำรวจก็มีหลักฐานการเข้าจับกุมและยึดทรัพย์สิน การันตีว่าหัวข้อนี้มีผู้มานะจะมีจัดการกับตนเอง แต่ว่าตนไม่รับจัดการ เพราะเหตุว่าก็เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ จึงเป็นหน้าที่ของ ผู้บังคับบัญชาตำรวจและ รอง ผู้บังคับบัญชาตำรวจตนไม่โกรธนายสันธนะ แม้แต่น้อย

มีคลิปฉบับเต็ม สันธนะ

ถัดมา นายสันธนะ เดินทางมาที่โรงแรม โดยนายชูวิทย์ ออกมาไหว้ทักทายให้การต้อนรับ พร้อมเผยว่า

ดังที่สายลับตนได้เข้ามาในงาน พบว่ามีฝูงชนเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำชายและหญิงพร้อมๆกันนับสิบคน ซึ่งเป็นเหล่าลูกท่านหลานเธอ มีการ์ดมารอคุ้มกันนับสิบ เมื่อคืนวานตนก็มาตรงนี้ คนของตนก็เข้ามา การันตีไม่ได้รับจ้างมาจากคนใด ซึ่งตำรวจเผยว่าตรวจสอบไม่เจอเรื่องผิดปกติ แต่ว่าตนเชื่อว่ายังคงจะต้องมีสิ่งเสพติดตกค้างอยู่ ย้ำว่าไม่ได้มาดิสเครดิต และไม่ได้โกรธอะไรกับนายชูวิทย์ ยังคงเชื่อถือเป็นพี่ที่สนิทกัน และหัวข้อนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผับจิ้นหลิง แม้ถามคำถามว่าเป็นการเอาคืนนายชูวิทย์ ก็จะเรียกคุยเป็นการส่วนตัว

ทั้งนี้ ในระหว่างที่มีการพูดคุยกันระหว่าง นายสันธนะ และนายชูวิทย์ ได้มีการเปิดคลิปที่เจ้าตัวระบุว่ามีการเสพยาเสพติด โดย2คลิปแรกเป็นคลิปบรรยากาศปาตี้ที่บริเวณลอบบี้ของโรงแรม ส่วนคลิปในที่สุด เป็นคลิปภายในห้องอาบน้ำชาย ซึงมีด้วยกันทั้งสิ้น 3 ห้อง ซึ่งห้องภายในสุดมีเพศชายและสตรี เดินออกมาจากห้องอาบน้ำห้องเดียวกัน ส่วนห้องอาบน้ำห้องที่ 2 เจอมีหนุ่มน้อยเดินออกมา พร้อมหญิงสาวอีก3คน โดยหญิงคนแรกที่เดินออกมามีการขยี้จมูกจริงดังที่นายสันธนะกล่าวอ้าง แต่ว่าก็ไม่มีหลักฐานบ่งชัดว่ามีการเสพยาเสพติดอยู่ด้านในห้องน้ำห้องดังที่กล่าวมาแล้ว

ล่าสุด นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ได้เผยผ่านทางเฟซบุ๊ก หลังจากที่นายชูวิทย์ ประกาศแจกรางวัล 1 แสนบาท สำหรับคนมีหลักฐานว่านายสันธนะทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยโพสต์ระบุว่า “มีสามคลิปเต็มๆ ครับ กล่าวอ้างเยอะแยะไปหมด รอคดีผมถึงที่สุดจะส่งให้นะครับ สามคลิปขอจิ้มจุ่มสุทธิพรมื้อเดียวครับ ตอนจบมีจังหวะซิทคอมด้วย แหงนหน้ามามองกล้องแล้วร้อง อุ้ย!! มีกล้อง”