
กรมราชทัณฑ์ ตั้งคณะกรรมการสอบ กรณี ประสิทธิ์ เจียวก๊ก วางแผนแอบหนีตอนขึ้นศาล ในขณะที่พยายามไปเข้าห้องน้ำ
วันที่ 22 เดือนธันวาคม 2565 นายประสิทธิ เจียวก๊ก จำเลยในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน แล้วก็ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ได้วางแผนแอบหนีขณะออกไปศาลอาญาระหว่างพิจารณาคดี
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ บอกว่า จากที่ศาลอาญาได้มีคำสั่งเบิกตัวนายประสิทธิ์ไปศาลเพื่อสืบพยานโจทก์ เมื่อวันพฤหัสที่ 22 เดือนธันวาคม ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. นั้น โดยเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. นายประสิทธิ์ได้พยายามหลบหนีไปจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ประจำศาลอาญา โดยได้แจ้งเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมว่า มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย และขออนุญาตเข้าห้องน้ำ
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุม ก็เลยนำตัวนายประสิทธิ์ไปเข้าห้องน้ำสำหรับผู้มาติดต่อราชการที่บริเวณชั้น 9 และก็ยืนเฝ้าอยู่ที่รอบๆ หน้าห้องน้ำตลอดเวลา แล้วก็ในเวลาถัดมา เมื่อนายประสิทธิ์ได้ทำธุระเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมพบว่า นายประสิทธิ์ได้เดินออกจากห้องน้ำมา พร้อมกับเปลี่ยนชุดเป็นชุดไปรเวท ไม่ใช่ชุดเครื่องผู้ต้องขัง และก็ถอดกุญแจเท้าออกแล้ว
คาดว่าน่าจะมีการนัดแนะเตรียมการไว้กับบุคคลภายนอก เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมจึงได้วิ่งติดตามจับตัวได้ที่บริเวณบันได ชั้น 3 รวมทั้งได้ขอกำลังเสริมจากเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ประจำศาล เจ้าพนักงานตำรวจศาล และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำศาล มาช่วยกันควบคุมตัว พร้อมนำตัวกลับมาคุมขังยังห้องควบคุมผู้ต้องขังประจำศาลด้านล่างได้เป็นที่เรียบร้อย ทำให้นายประสิทธิ์ไม่สามารถหลบหนีต่อไปได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้รายงานให้ศาลอาญาทราบ แล้วก็ทางศาลอาญาได้แจ้งกองบังคับการปราบปรามเพื่อดำเนินการต่อไป
คาดว่าผลของการสอบสวน จะใช้เวลา 7 วัน
ใคร คือประสิทธิ์ เจียวก๊ก
ประสิทธิ์ เจียวก๊ก นักธุรกิจพันล้านเจ้าของเครือข่ายธุรกิจหลายกลุ่ม กลายมาเป็นชื่อในข่าวอีกครั้งเพียงแค่ไม่กี่เดือน หลังจากที่คณะก้าวหน้าออกมาระบุชื่อของเขาในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการไอโอของกองทัพ เมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่ผ่านมา
ประสิทธิ์ ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน กลายเป็นผู้ต้องสงสัยและถูกออกหมายจับในคดีฉ้อโกงกว่าพันล้าน ภายหลังกองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) สนธิกำลังเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นพื้นที่ 9 จุดในกรุงเทพมหานครแล้วก็ปริมณฑล เพื่อจับตัวผู้ต้องหาเครือข่ายบริษัทหลอกลวงนักลงทุนหลายรูปแบบ โดยอ้างถึงการได้รับผลตอบแทนสูง โดยตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการได้แล้ว 4 คน หนึ่งในนั้นเป็นบุคคลที่มียศเป็น “พันโทแพทย์หญิง” ประธานโครงการเที่ยวเพื่อชาติ
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 นายประสิทธิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็น “หัวหน้าขบวนการ” ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อที่กองบังคับการปราบปราม โดยเขาให้สัมภาษณ์นักข่าวก่อนเข้าพบเจ้าพนักงานว่าได้นำหลักฐานมาเพื่อต่อสู้คดีและยืนยันในความบริสุทธิ์
นายประสิทธิ์ยอมรับว่าเขาประสบปัญหาทางธุรกิจเนื่องมาจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และก็ยืนยันว่าเขาได้ทำความดีเพื่อประเทศชาติมาก่อนที่จะมาทำธุรกิจ
“สิ่งที่พูดไปในอดีตคือข้อเท็จจริง…ผมทำเพื่อชุมชนสหกิจทั่วประเทศ คืนคุณแผ่นดินมาก่อนการระดมทุนเพื่อธุรกิจอีก” เขาบอกและขอให้สังคมแยกเรื่องการระดมทุนเพื่อธุรกิจกับแชร์ลูกโซ่
“คนที่ศรัทธาผม คนที่เชื่อในอุดมการณ์ผม ผมเชื่อว่าฟ้าดินรับรู้ วันนี้ผมมาเพื่อพิสูจน์ จำไว้เลยเราคือคนไทย สิ่งใดก็ตามหากผมผิดผมก็รับโทษ” นายประสิทธิ์กล่าว
นายประสิทธิ์ คือบุคคลที่ น.ส. พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เคยระบุว่าเป็นหนึ่งในเครือข่ายปฏิบัติการด้านข่าวสาร หรือ information operation (IO) ของกองทัพ
ภายหลังที่เขากลายเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา โดยมีการแถลงการณ์ว่า พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก ระบุเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า ไอโอของกองทัพเคยมีการอธิบายไปแล้ว
ส่วนที่มีการร้องเรียนว่าอาจมีกำลังพลของกองทัพเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจในขบวนการของนายประสิทธิ์ ทางกองทัพบกกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่หากพบว่ามีกำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้องก็พร้อมดำเนินการโดยทันที
นาย ประสิทธิ์ เจียวก๊ก เป็นใคร มีธุรกิจอะไรบ้าง แล้วก็เกี่ยวข้องกับไอโอกองทัพอย่างไร ทางเรารวบรวมข้อมูลมาไว้ที่นี้
เชื่อมโยงปฏิบัติการไอโอกองทัพ
ในการแถลงเปิดข้อมูลเครือข่ายไอโอกองทัพ ตอนวันที่ 1 เดือนธันวาคม 2563 น.ส. พรรณิการ์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ได้เผยข้อมูลว่า กองทัพมีปฏิบัติการด้านข่าวสารทำงานผ่านแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานกับทวิตเตอร์ จำนวน 2 แอป ซึ่งมีลักษณะการทำงานที่สามารถทวีตข้อความหลายข้อความได้ในเวลาเดียวกันหรือ “ปั่นแท็ก”
บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ที่แอปพลิเคชั่นที่คณะก้าวหน้าอ้างถึงว่าใช้ “ปั่นแท็ก” คือ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือเอ็มกรุ๊ป
ข้อมูลที่คณะก้าวหน้าเปิดเผยระบุว่า เขาเป็นวิทยากรอบรมจิตอาสา 904 แล้วก็ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน ตรงกับข้อมูลที่ตัวเขาเองเผยแพร่ในเว็บและก็บัญชีโซเชียลมีเดีย รวมทั้งการออกมาแถลงโต้ตอบคณะก้าวหน้า
หลังคณะก้าวหน้าแถลงเปิดข้อมูลเครือข่ายไอโอไม่ทันข้ามวัน ประสิทธิ์ ได้เข้าแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เอาผิดคณะก้าวหน้า และกล่าวว่าเขา “ไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นประชาชนคนหนึ่งที่รักใน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อย่างที่สุด”
เขาบอกด้วยว่า สิ่งที่ทำ “เป็นการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์และช่วยส่งเสริมให้ประชาชนได้รู้จักการใช้โซเชียลให้เกิดประโยชน์”
ในกรณีที่ถูกพาดพิงเรื่องที่ให้กองทัพใช้เซิร์ฟเวอร์ของแอปฯ เอ็มเฮลป์มี เขาพูดว่า สร้างแอปฯ นี้มาเพื่อสังคม และก็เห็นว่ากองทัพได้ขอใช้มาอย่างถูกต้อง และก็ควรส่งเสริมการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เพื่อเผยแพร่ “พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน”
สำหรับแอปฯ เอ็มเฮลป์มี (M-Help Me) มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 โดยใช้สถานที่ที่คิงพาวเวอร์
“เป็นผู้เข้านอกออกในกองทัพ”
ในการแถลงของคณะก้าวหน้าครั้งนั้น น.ส.พรรณิการ์ ยังได้แสดงรูปถ่ายของนายประสิทธิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ที่แอปพลิเคชั่น 2 แอปฯ ว่าเป็นผู้มีกิจการต่างๆ และทำกิจกรรมหลากหลาย ได้แก่ ลงเรียนหลักสูตรของจิตอาสาพระราชทาน เป็นผู้ถวายผ้ากฐินพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าไปบรรยายหลักสูตรพิเศษอบรมการใช้โซเชียลมีเดียของโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน 904 และก็ “เป็นผู้เข้านอกออกในกองทัพ”
เธอได้แสดงภาพนายประสิทธิ์ โดยอ้างถึงว่าเป็นเหตุการณ์ในวันสถาปนา ร.31รอ. ทหารหมวกแดงที่ จังหวัดลพบุรี เดินอยู่ท่ามกลางผู้บัญชาการเหล่าทัพหลายคน
“แสดงว่าเข้านอกออกในและมีความสนิทสนมกันจริง ๆ” น.ส.พรรณิการ์ ระบุ และเสริมว่า พบการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ของบุคคลนี้ในช่วง 3 ปี ในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และเคยให้สัมภาษณ์ว่า “เราจะยิ่งใหญ่กว่ากูเกิลให้ได้”
ด้านนายประสิทธิ์ ประธานกลุ่มเอ็มกรุ๊ปที่คณะก้าวหน้าบอกว่าอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการไอโอของกองทัพ ยอมรับว่าเป็นเจ้าของแอปและก็เซิร์ฟเวอร์ที่กองทัพบกใช้งานจริง แต่เป็นการให้ใช้ฟรีโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน
นอกเหนือจากนั้นวิทยากรของบริษัทยังเป็นผู้เข้าไปสอนเจ้าหน้าที่ทหารให้รู้จักการใช้โซเชียลมีเดียแล้วก็เทคโนโลยีต่างๆ จริง แล้วก็ให้ใช้โดเมนเนม “เอ็มเฮลป์มี” ของทางเอ็มกรุ๊ปจริง เพราะตัวเองเป็นจิตอาสา 904 ภาคประชาชนที่ต้องการคืนคุณแผ่นดินและแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
นายประสิทธิ์ยืนยันด้วยว่าไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แต่ว่าที่สามารถ “เข้านอกออกในกองทัพ” ได้ ด้วยเหตุว่าได้ทำโครงการพัฒนาความรู้ให้ทหารร่วมกันโดยตนไม่ได้รับค่าตอบแทนแต่อย่างใด
ทำธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่เจ้าของเว็บไซต์ พัฒนาซอฟต์แวร์ ธุรกิจสายการบิน อสังหาฯ
เว็บ prasitjeawkok.com ของนายประสิทธิ์ ระบุตัวเองว่าเขาเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท เว็บ สวัสดี จำกัด (มหาชน) และก็บริษัทในเครือ มัณดาวีต์ กรุ๊ป
สำนักข่าวอิศรา บอกว่าจากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2564 พบว่า นายประสิทธิ์ เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 10 แห่ง ที่มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 1-500 ล้านบาท
สำหรับ บริษัท เว็บ สวัสดี จำกัด (มหาชน) ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ก่อตั้งเมื่อปี 2547 ระบุประเภทธุรกิจตอนจดทะเบียนว่าเป็นธุรกิจจัดนำเที่ยว ส่วนธุรกิจที่ส่งงบการเงินปีล่าสุดเป็นธุรกิจรับจ้างจองห้องพักผ่านอินเตอร์เน็ต
ส่วนบริษัทอื่นๆ มีการจดทะเบียนประกอบธุรกิจ เช่น ธุรกิจสายการบิน ซึ่งงบการเงินล่าสุดปี 2562 ระบุว่าไม่มีรายได้ ธุรกิจบริหารสำนักงานแบบเบ็ดเสร็จ ธุรกิจสุขภาพ จำหน่ายสินค้า ขายส่งคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์ ธุรกิจรับออกแบบ ติดตั้งเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ พัฒนาซอฟต์แวร์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธูรกิจนำเที่ยว
เมื่อปี 2561 ประสิทธิ์ เจียวก๊ก และก็บริษัท มัณดาวีต์ ทัวร์ จำกัด ยังเคยถูกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) สั่งปรับเป็นเงินรายละ 500,000 บาท กรณีถูกตรวจสอบพบว่า เสนอขายหลักทรัพย์ประเภทหุ้นกู้แก่ประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.
เรียกตัวเองว่า “แจ็ค หม่า 2 เมืองไทย” แอ๊ด คาราบาว เขียนเพลงให้
บนเว็บ prasitjeawkok.com/ ของนายประสิทธิ์ ชอบใช้คำกล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์โดยเรียกนายประสิทธิ์ว่าคือ “แจ็ค หม่า 2 เมืองไทย”
ข่าวประชาสัมพันธ์บนเว็บของตัวเขาเอง เขียนบ่อยครั้งถึงวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ แล้วก็ชอบเน้นย้ำคำว่า “การให้” “การช่วยเหลือ” และ “ยึดมั่นความดี”
เว็บไซต์ของประสิทธิ์ ระบุด้วยว่าแอ๊ด คาราบาว ยังเขียนเพลง “ประสิทธิ์ ผู้ให้” โดยเขียนทั้งเนื้อร้องและก็ทำนอง เผยแพร่เมื่อปี 2562
โครงการคืนคุณแผ่นดิน ทำอะไร
จากการตรวจสอบเว็บไซต์ของนายประสิทธิ์ พบว่าชื่อของโครงการคืนคุณแผ่นดิน มีการทำกิจกรรมหลายอย่างในลักษณะกิจกรรมที่ให้บริจาคสิ่งของต่อหน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วๆ ไป ยกตัวอย่างเช่น การบริจาคหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และการมีโครงการร่วมกับหน่วยงานราชการ เช่น ความร่วมมือโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ร่วมกับหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา หรือการมอบรางวัลตำรวจจราจรดีเด่นโดยเป็นโครงการร่วมกับตำรวจจราจร
นอกจากนี้ยังปรากฏกิจกรรมที่เกี่ยวกับการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งบนเว็บของเขาปรากฏภาพการตั้งโต๊ะแถลงข่าว และให้รายละเอียดว่าเป็นกิจกรรมที่ “สร้างความเข้าใจ” และ “แสดงข้อเท็จจริง” เพื่อให้สังคม เยาวชน เข้าใจในสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการใช้ทุกช่องทางในการสื่อสารนำเสนอพระราชกรณียกิจทุกพระองค์ ตั้งแต่อดีตถึงตอนนี้